
“ซ่อนแอบ” วัยเด็กของทุกคนคงจะเคยผ่านการเล่นซ่อนแอบกันมาอยู่แล้ว และผู้ใหญ่ก็มักจะบอกว่า อย่าเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืน เดี๋ยวผีจะบังตา ลักพาตัวไปอยู่ด้วย อะไรทำนองนี้ และเมื่อโตมาก็คิดได้ว่า คำเหล่านี้คือคำที่ใหญ่บอกไว้เพื่อไม่ให้เด็กหายไปหรือหลงทาง เพราะสมัยก่อน ไฟฟ้ามันไม่ได้มีทุกที่ทางอย่างทุกวันนี้ แต่แท้จริงแล้ว คำเตือนนี้นั้น มันเคยเกิดขึ้นจริง…
เรื่องมีอยู่ว่า โอ เด็กชายวัย 10 ขวบ เด็กกำพร้ายากจน อาศัยอยู่กับยาย 2 คน ก็เล่นกันตามประสาเด็กกำลังซนเหมือนคนทั่วไป จนวันหนึ่ง ช่วงเวลาประมาน 2 ทุ่มเศษๆ โอกับเพื่อนๆอีก 4 คน ที่กำลังนั่งว่างๆกัน เพราะไม่รู้จะเล่นอะไรกันดี โอ จึงชวนเพื่อนๆเล่นซ่อนแอบ ซึ่งก็มีเพื่อนที่ค้านว่านี้มันมืดค่ำแล้วนะ จะเล่นดีหรอ แต่ความที่โอเป็นคนไม่กลัวผี ก็เลยบอกกับเพื่อนไปว่า “ไม่เป็นไรหรอกน่า ผีสางมันมีที่ไหนกัน” เพื่อนๆจึงตอบตกลง
การเล่นซ่อนแอบจึงเริ่มขึ้น “1-2-3-4-….” เพื่อนคนหนึ่งเริ่มนับ โอจึงรีบไปหาที่แอบ แต่ด้วยความที่โอ ที่เป็นดั่งตัวแสบของกลุ่ม จะแอบในที่ธรรมดา มันคงง่ายเกินไป โอจึงวิ่งเข้าไปแอบในวัดแห่งหนึ่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่เล่นซ่อนแอบ โดยสถานที่แอบก็เป็นข้างโลงศพในศาลาวัด ผ่านไปสักพัก โอ ได้ยินเสียงเพื่อนๆเริ่มโดนจับได้ จนคาดว่าน่าจะเหลือแค่ตนคนเดียว โอ ที่กลัวจะถูกจับได้ จึงเข้าไปแอบในโลงศพ
การเล่นซ่อนหายังดำเนินต่อ จนกระทั่งเหลือโอเพียงคนเดียวที่ยังไม่ถูกเจอ เพื่อนๆที่หาจนทั่ว แต่ก็หาไม่เจอ จึงเอะใจ เข้าไปหาในบริเวณวัด แล้วก็ได้ยินเสียงของโอร้ออองขอความช่วยเหลือ ดังมาจากศาลาวัด จึงเดินเข้าไป จึงรู้ว่าเสียงของโอดังมาจากข้างในโลงศพ ด้วยความที่เพื่อนๆก็ต่างกลัว แต่ก็จำได้ว่านี่เสียงโอแน่ๆ จึงกลั้นใจ เปิดฝาโลงศพออกมา พบโอนอนทับร่างหญิงชรามือหงิกงอ มีหนอนเกาะเต็มตัว ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด เพื่อนๆเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า วิ่งร้องไห้โวยวายออกมาทันที โอ ที่กระวนกระวายก็รีบลุกออกมาจากโลง และรีบวิ่งหนีกลับบ้านในทันที
เช้าวันถัดมา ยายของโอ ก็เห็นโอนอนซมไม่ยอมลุกมากินข้าวกินปลา จึงเข้าไปดูว่าหลานเป็นอะไร ก็พบว่า โอ นอนจับไข้หัวโกร๋น จึงถามว่าเป็นอะไร โอก็ไม่ยอมตอบ เพราะกลัวถูกยายดุนั่นเอง จนกระทั่งอาการเริ่มไม่สู้ดี ยายจึงพาโอไปหาหมอ แต่หมอก็บอกร่างกายปกติดี ไม่ได้เจ็บไข้อะไรตรงไหน ยายที่จนหนทางจึงคะยั้นคะยอหลานตัวดี จนกระทั่ง โอ ที่สภาพไม่สู้ดียอมบอก ว่าตนกับเพื่อนๆ ไปเล่นซ่อนแอบกันตอนกลางคืน และตนได้เข้าไปแอบในโลงศพ โดยไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีเจ้าของโลงนอนอยู่ ยายได้ยินดังนั้น จึงพาโอไปหลวงตา พระอาวุโส ประจำวัดแห่งนั้น เพื่อจะขอให้หลวงตาช่วย
เมื่อไปถึงวัด ยาย ก็เล่นเรื่องของโอให้หลวงตาฟัง หลวงตาได้ยินทีแรกก็ตกใจ แล้วก็ถอนหายใจ พร้อมพูดว่า “เห้อ อาตมาไม่รู้จะช่วยได้รึเปล่านะ” ยาย ที่ได้ยินดังนั้นก็แปลกใจ จึงถามว่าทำไมหรอ หลวงตาก็ตอบว่า ก็โลงศพไหนละ วัดแห่งนี้ไม่มีโลงเปล่านะ แถมที่วัดช่วงนี้ก็ไม่มีงานศพด้วย จะไปมีโลงตั้งอยู่ได้ไง แล้วหญิงชราในโลงนั้นคือใคร อาตมาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะรดน้ำมนต์ ทำพิธีปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้แล้วกัน หลังจากนี้ก็อยู่ที่เวรกรรมของเจ้าโอแล้ว
สุดท้ายแล้ว ไม่นานนัก โอ ก็เสียชีวิตลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ชาวบ้านคาดกันว่า ผีตายโหงบริเวณนั้นพาไปอยู่ด้วย
